อย่างที่ทราบกันว่า รถที่จมน้ำสามารถซ่อมแซมได้ แต่บริษัทประกันมักตีว่าเป็น ?การเสียหายทั้งคัน? แต่คุณก็อาจได้รับค่าธรรมเนียมจำนวนหนึ่งเพื่อมาทำการซ่อมรถที่ถูกน้ำท่วม
จริงอยู่อาจซ่อมให้หายได้ แต่คงไม่หายเป็นปลิดทิ้ง มักมีปัญหาเครื่องยนต์ตามมาหลักจากซ่อมไปสัก 2-3 ปี ความเสียหายมักจะเกิดขึ้นที่แผงคอนโซลควบคุมรถซึ่งเป็นแหล่งรวม อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ซับซ้อนของรถ
โปรดตระหนักไว้ว่าน้ำท่วมเต็มไปด้วยน้ำจากหลายๆ ที่มารวมกัน ทั้งสกปรก น้ำและสิ่งสกปรกจะเข้าไปตามรอยต่อหรือตะเข็บของรถยนต์ และสามารถกัดกร่อนอุปกรณ์และรถยนต์ได้
ไม่ควรสตาร์ทรถที่ถูกน้ำท่วม จนกว่าจะมีการตรวจสอบและทำความสะอาดแล้ว ช่างควรมีความรู้ความชำนาญ โดยช่างจะปฏิบัติดังนี้
1. ตรวจสอบดูอุปกรณ์ทั้งหมด รวมทั้งระบบส่งเพลา ระบบเบรกและระบบน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำหม้อน้ำ
2. กำจัดน้ำที่ค้างอยู่ในหม้อน้ำด้วยน้ำสะอาดและตัวทำละลายตามความเหมาะสม
3. กำจัดของเหลวในหม้อน้ำทั้งหมด เช่น น้ำมัน ของเหลว น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก น้ำมันหล่อลื่นพวงมาลัยไฟฟ้าและน้ำยาหล่อเย็น
4. สำหรับรถที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าอาจจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ แม้จะทำความสะอาดแล้ว เครื่องยนต์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจเกิดการออกซิเดชันได้
สมาพันธ์ตัวแทนขายรถยนต์แห่งชาติหรือ The National Automobile Dealers Association (NADA) แนะนำวิธีการกู้รถยนต์ที่จมน้ำ ดังนี้
1. ไม่ควรสตาร์ทรถที่ถูกน้ำท่วม จนกว่าจะมีการตรวจสอบและทำความสะอาด
2. ทำให้รถแห้งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ตามขั้นตอนเพื่อลดระยะเวลาที่ชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์สัมผัสกับน้ำ
3. ติดต่อบริษัทประกันหรือตัวแทนทันที และรายงานว่ารถคุณจมน้ำ
4. จดบันทึกว่ารถคุณจมอยู่ในระดับน้ำสูงสุดเท่าใด เพราะช่างผู้ชำนาญการจะทำการประเมินและทำการแก้ไขซ่อมแซมได้ถูกต้องตามความจำเป็น
5. ติดต่อช่างที่ได้รับใบอนุญาตเพื่อทำการตรวจสอบรถและประเมินรถที่ถูกน้ำท่วม
6. ให้ช่างที่ได้รับใบอนุญาตทำการตรวจสอบชิ้นส่วนรถยนต์ทุกชิ้น รวมทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งเพลา ระบบเบรกและระบบน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำหม้อน้ำ
7. ให้ช่างที่ได้รับใบอนุญาตทำการล้างและกำจัดของเหลวทั้งหมด รวมทั้งน้ำมันและ
น้ำมันหล่อลื่น เปลี่ยนตัวกรองทั้งหมด รวมไปถึงปะเก็น และส่วนประกอบที่สัมผัส
กับน้ำ หากขับรถที่มีน้ำขังอยู่ในเครื่องยนต์จะทำให้เกิดการปะทุหรือระเบิดภายในห้องเครื่องได้ ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์และส่วนประกอบอื่นๆ เกิดความเสียหายมากกว่าเดิมได้
8. ควรเปลี่ยนอะไหล่อุปกรณ์ใหม่ ทำความสะอาดเบรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลับลูกปืนท้าย สำหรับรถที่ขับเคลื่นอล้อหน้า ตลับลูกปืนควรปิดให้เรียบร้อย
9. รถในปัจจุบันนี้ มักมีการเสริมเบาะและฉนวนกันความร้อนเพื่อรักษาความเย็น ซึ่งหากรถจมน้ำในกรณี ควรทำการเปลี่ยนอุปกรณ์ไปเลยเพื่อป้องกันการก่อเชื้อราหรือราน้ำค้างที่อาจปนเปื้อนอยู่ในรถ การทำความสะอาดราน้ำค้างนี้อาจมีค่าใช้จ่ายราว? 100 เหรียญและกำจัดได้ไม่ยาก
10. ให้ช่างที่ได้รับใบอนุญาตทำการตรวจสอบสายไฟและชิ้นส่วนไฟฟ้าทุกชนิดที่จมน้ำ ในขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ สัมผัสน้ำทั้งน้ำในสถานการณ์ปกติ หรือน้ำท่วม อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย บางกรณี? การจมน้ำที่นานเกินกว่า 90 วัน อาจเกิดการกัดกินพื้นผิว โดยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าจะเริ่มเป็นสนิม
ทั้งนี้ การกู้รถที่จมน้ำอาจพบเจอปัญหาดังนี้?
- น้ำที่ท่วมอาจเข้าไปขังในเครื่องยนต์ หม้อน้ำ เบรก ระบบน้ำมัน และอาจมีดินโคลนร่วมด้วย ซึ่งต้องทำความสะอาดออกให้หมด
- ?บางกรณีอาจมีน้ำปนอยู่ในน้ำมัน น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเบรก หรือหล่อเย็นด้วย
- ตามชิ้นส่วนเล็กๆ ใต้กระโปรงรถหรือตามคอนโซลหน้ารถอาจมีน้ำตกค้างหรือขังอยู่ได้ หรือตามบริเวณล๊อกประตู หน้าต่าง และกลิ่นอับของอุณหภูมิภายในรถก็ยากที่จะทำความสะอาด
- หากรถที่ถูกน้ำท่วมแต่ดันทุรังขับโดยไม่ซ่อม อาจมีราคาแพงกว่าซ่อมเสียแต่ทีแรก เพราะอาจเกิดการกัดกร่อน ทั้งส่วนระบบไฟฟ้า ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ?ลูกปืนล้อ ระบบส่งกำลัง ฯลฯ